สวัสดีครับทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่เรื่องราวชีวิตผมครับ
Link VDO Click >> https://www.youtube.com/watch?v=v_8hmp9_hEY จากครอบครัวที่มีหนี้สินกว่า 80 ล้านบาท โดนยืดรถยึดบ้านทั้งหมดตอนอายุ 16 เกือบไม่มีโอกาสเรียนต่อมหา’ลัย แต่แล้วมามีรายได้หลักล้านจากการทำธุรกิจ VDO บันทึกภาพ ณ หอประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ |
ผมรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ นะครับ ที่คุณได้สละเวลามาอ่านเรื่องราวของผม
และยินดีที่คุณจะเข้ามาทำความรู้จัก..กับผมมากขึ้น
ผมหวังอย่างยิ่งว่ามุมมองและแนวคิดของผมนั้น
จะมีเป็นประโยชน์แก่คุณบ้าง
ผม ชื่อ ณัฏฐ์ธเดช ชัยปกรณ์วงศ์ ชื่อเล่น โจ
ปัจจุบัน..อายุ 38 ปี
ผมเป็นคนในครอบครัวเชื้อจีน..พื้นเพอยู่ภาคใต้
มีพี่น้อง 3คน โดยผมเป็นคนโตครับ
จบปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
เวลาที่เรียนที่นั้น…เป็นครั้งแรกคับที่ได้ออกสู่โลกภายนอก
เพราะไม่เคยไปอยู่ไกลบ้านเลย เรียนตั้งแต่เด็ก จนถึงมัธยมที่ จ.สุราษฏร์
อ๋อ!! อืมบอกไป ผมเป็นคนจังหวัดสุราษฏร์ธานี
คนใต้ แต่ไม่ใจดำนะคับ
ในช่วงที่เรียนอยู่ ก็ได้ทำหลายๆ อย่างในช่วงเรียน
เช่น ทำชมรม ไปเที่ยวต่างจังหวัด และเล่นดนตรี
ผมเคยเป็นมือกลองในวงดนตรี สมัยเรียนป.ตรี
เป็นวงเฉพาะกิจของเพื่อนในภาคคอม ไม่เก่ง..แต่ชอบมาก
ค่อนข้างบ้าพลังครับ
พื้นฐานการศึกษาของผมนั้น จบ ป.ตรี ในสาขาคอมพิวเตอร์
แต่ก็ได้ทำงานด้านที่จบมา..เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ประวัติการทำงานผมมีดังนี้ครับ
-ตำแหน่ง Software Developer บริษัท Softsquare International
-ตำแหน่ง Restaurant Manager ร้านอาหารไทย เมือง Brighton ประเทศอังกฤษ
-ตำแหน่ง Project Coordinator บริษัท Miracle Net Group
ชีวิตงานประจำงานแรก Software Developer (นักพัฒนาซอฟ์ทแวร์)
จะเห็นได้ว่า..ประวัติการทำงานของผม
จะไม่ทำงานลักษณะเดิมเลย เหอะๆๆ
งานแรกเป็น Software Developer หรือ Programmer นั่นเอง
เขียนโปรแกรม Oracle ทำได้อยู่ครึ่งปี ก็เบื่อมาก วันๆ อยู่แต่หน้าคอมสี่เหลี่ยม
เรียนมาก็อยู่กับมันตลอด4ปี ก็ไม่ได้รังเกียจมันน่ะ แต่ไม่ไหวครับ..เอียนมาก
ไม่อยากมาทำงานเลย เอาแต่รอคอยเย็นวันศุกร์
เพราะรู้สึกว่าเสาร์อาทิตย์..เราจะได้ไปเที่ยว
ได้ไปพัก ได้ไปดูหนัง ได้ใช้ชีวิตที่มีอิสรภาพได้ 2วัน
แต่พอเย็นวันอาทิตย์ กลับรู้สึกเซ็งๆ ไม่อยากให้ถึงเช้าวันจันทร์เลย
ระหว่างทีทำงานนั้น..ก็เห็นเพื่อนๆพี่ๆ ที่ร่วมงาน ลาออกไปเรียนต่อต่างประเทศ
ก็เลยมีความฝันแรกในระหว่างการทำงานครับ
ว่าอยากไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศดูบ้าง
เพื่อ Upgrade ตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดสักเท่าไหร่ตอนเรียน
คือเฉยๆ ก่อนหน้านี้นะครับ
ก็เตรียมตัวดิ้นรนหาทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ
แฮ่ม ไม่ง่ายครับ..เพราะใช้ทุนเยอะ แล้วที่บ้านผมก็ไม่มีทุนหรอก
ก็หาทางทุกทาง ถามคนโน้น..คนนี้ ดูข้อมูลในเน็ต
และมั่นใจว่าเราทำ Visa อังกฤษได้แน่
ก็เลยลาออกจากงาน เพื่อเตรียมตัวเรียนภาษาเพิ่มก่อนไปสัมภาษณ์Visa
แต่ปรากฏว่า..โดนปฏิเสธVisa ซ็อค! ไปเลยครับ
โลกหมุนเลยช่วงนั้น เพราะช่วงนั้นเราเริ่มฝันมาก..
จนกระทั้งลาออกจากงานทั้งๆ งานที่ทำอยู่ก็ดี
ญาติๆ เพื่อนๆ ก็บอกไปหมดแล้ว จ่ายนุ้น..นี้..นั้นเพียบ
ทำยังไงดี ก็เลยพยายามดิ้นรนอีกรอบ
คราวนี้ตั้งใจเตรียมทั้งเอกสารและตัวเองอย่าง Perfect ที่สุด
สุดท้ายก็ผ่าน Visa แต่กินเวลาไปหลายเดือน..เกือบครึ่งปีเลยทีเดียว
ก็ได้ไปเรียนที่อังกฤษสมใจ เฮ้อ! เกือบไป
บทเรียนแรกในชีวิตช่วงนี้ที่ได้รับ คือ ถ้าเรามีความฝันตั้งใจจะทำอะไรแล้ว
เราต้องเรียนรู้ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนลงมือทำ และอย่าล้มเลิกกลางคัน
ถึงจะมีอะไรมาเป็นอุปสรรค เพราะเราอาจมานั่งเสียใจภายหลังชั่วชีวิตได้
ชีวิตงานประจำงานที่ 2 Restaurant Manager (ผุ้จัดการร้านอาหาร)
ช่วงที่ไปอยู่อังกฤษต้นๆ เอาเงินติดตัวไปแค่ไม่กี่หมื่นบาท
เพราะมีเหลือแค่นี้จริงๆ จ่ายไป..หมดตัว นี้ขนาดกู้ยืมมาด้วยน่ะเนี้ย
หวังว่าจะไปทำงานหาเงินที่นั้น เรียนไป..ทำงานไป
เพราะหาข้อมูล และติดต่อหาที่ทำงานไว้ล่วงหน้าไว้แล้ว
คือจ่ายค่าเรียนไว้ล่วงหน้าไม่กี่เดือน ถ้าไม่จ่ายต่ออีก
ก็เตรียมตัวกลับไทยได้เลย แต่โดนไล่กลับนะคับ
เริ่มแรกเลยก็มาเป็น..เด็กล้างจาน 555 ..ก็ทำใจมาอยู่แล้วครับ
ก็ยังพูดอังกฤษไม่เป็นนิ จริงๆ งานบ้านอะไรผมก็ไม่ได้รังเกียจมาก
แต่เรื่องล้างจาน..ผมเกลียดที่สุดเลย แต่ทำไงได้ มันต้องทำก็ทำครับ
ก็ได้เรียนรู้อะไรมากเหมือนกัน ถึงจะมา..ล้างจาน
เพราะตั้งแต่มาที่อังกฤษนี้ ผมก็พยายาม Active เรียนรู้ทุกอย่าง
เพราะรู้ถึงค่าของการที่มา ว่าไม่ได้มาง่ายๆ น่ะ
ก็พยายาม..ฝึกพูดอังกฤษ ฝึกฟัง..อยู่ตลอด
และตั้งใจเรียนใน Class เรียน
แต่เราก็เหนื่อยมากเพราะต้องทำงานถึงตี1-2 ทุกวัน
และต้องไปเรียน 9 โมงเช้า แต่ที่ทำงานกับที่เรียนห่างกัน1ชั่วโมงกว่าๆ
นอนไม่กี่ชั่วโมง..ทุกๆ วัน
ทีสำคัญ..ผมเองต้องทำงาน 6 วัน เพื่อส่งตัวเองเรียน 5 วัน
และเก็บเงินไว้จ่ายหนี้ที่กู้ตอนมาจากเมืองไทยไว้ด้วย
ก็ทำให้ทำงานหนักมาก จนร่างกายไม่ค่อยไหว ป่วยบางครั้ง
เพราะอากาศที่หนาวและฝนตก แต่ก็หยุดไม่ได้ครับ ก็ต้องสู้ๆ..กันไป
หลังจากล้างจานได้ 2 เดือน ร่างกายเริ่มปรับตัวได้
เริ่มชิน และเริ่มที่จะฟังภาษาอังกฤษคำง่ายๆ ได้แล้ว
(ผมก่อนมาอังกฤษ..โง่อังกฤษมากๆ ฟังไม่ได้เลยครับ พูดก็ผิดๆ ถูกๆ)
ทางร้านเห็นเราขยัน ไม่เคยหยุด (ก็หยุดไม่ได้..เงินไม่พอใช้ 555)
ก็เลยให้มาช่วยในครัว คราวนี้มีหน้าที่เป็น..ผู้ช่วยกุ๊ก
ตายละสิ ชาตินี้..ทำอาหารเป็นแค่ 2 อย่าง คือ ไข่เจียว..กับไข่ดาว
แล้วก็ไม่อร่อยด้วย 555 จะไปรอดไหมเนี้ยแต่ก็เลยลองทำไป
ก็ทำได้ครับ ก็เพราะเราต้องเอาตัวรอดให้ได้
ซึ่งในระหว่างนี้..ผมเองก็ต้องไปช่วยล้างจานด้วยนะครับ
คือเงินเท่าเดิม..แต่หน้าที่มากขึ้น
แต่ได้มีโอกาสในการเรียนรู้การทำอาหารและสนิทกับเจ้าของร้านมากขึ้น
ที่สำคัญเค้าเริ่มให้ผมทำกับข้าวเอง และเอาไปทานตอนไปเรียนได้ด้วย
ว้าว..ทำให้ประหยัดเงินมากขึ้น เงินเก็บมากขึ้น
ก็เป็นผู้ช่วยพ่อครัวอีก 2 เดือน คราวนี้ทางร้านก็เอาเราไปหน้าร้านแล้ว
อืม.. ก็เริ่มพูดเป็นและฟังพอได้ แต่ก็ขอบอกว่ายังแย่กว่ามาตรฐานอยู่
ให้ผมไปเป็น Waiter หรือเด็กเสริฟนั้นเอง..
ซึ่งที่นี้Waiter ต้องเป็นมืออาชีพมากๆ
เพราะต้องเก่ง รู้อาหาร รู้การจัดโต๊ะ รู้มารยาท
รู้การทักทาย รู้การเสริฟไวน์ และอื่นๆ อีกเยอะมาก
(โอ้..ทำไมไม่เหมือนเมืองไทยน่ะ ไม่เห็นต้องทำอะไรมาก
ยืนเฉยๆ ดูแลแค่โต๊ะ 2โต๊ะ) และที่สำคัญเราต้องดูแลคนเดียวเกือบ 10โต๊ะ
(ค่าแรงที่นี้..แพงมาก คนเป็น Waiter ต้องเก่ง และดูแลคนได้เยอะ
จะไม่มีเวลายืนเฉยๆเลยจนร้านปิด)
ชีวิตในช่วงนี้สนุกมาก เพราะเราได้ฝึกอะไรมากขึ้นเยอะ
แต่ก็ว่าอีกแหละ ร่างกายก็ใช้งานหนัก มีอาการแพ้โน้น..นี้..นั้น
ปวดหัว ปวดท้อง ไข้ขึ้น โดยไม่มีสาเหตุบ่อยๆ ก็สู้ๆ กันไป
ก็ทำงานหน้าร้านได้อีก 2เดือน ทางร้านก็ Promote
ให้เป็นบาเทนเดอร์ ควบ Waiter
(บางเวลาก็ต้องไปล้างจานด้วย ถ้าล้าง..ไม่ทัน 555)
คราวนี้ ชงเหล้า..เปิดไวน์..แชมเปน..กันสนั่น
ทั้งๆ ที่ผมเองก็ไม่ค่อยดื่มพวกแอลกอฮอล์สักเท่าไหร่ ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี
และอีก 2เดือนก็ได้ถูกโปรโมท เป็น Restaurant Manager เลย
แทนคนเก่า และดูแลทุกคนในร้านหมด
อืม 8เดือนเอง ทำไมไวขนาดนี้ ได้ครองร้านเลย
ทำงานหนักมาก แต่รายได้ก็เพิ่มขึ้น และได้มีลุ้น Tip ทุกๆ วัน
เพราะตอนนี้มีลูกค้าติดเราแล้ว
ทุกอย่างก็ไปได้สวยดี จนครบปีกว่าๆ ร่างกายไม่ไหว
เริ่มป่วยชนิดนอนซมเป็นอาทิตย์ แล้วมันก็กระทบถึงงานที่ร้าน
เค้าเอง..ก็เดือดร้อน ต้องหาคนมาแทนโดยไม่บอกเราก่อน
สุดท้าย..กลับไปอีกครั้ง มีคนมาแทนซะแล้ว
แถมให้เราสอนงานให้เค้าด้วยนะเนี้ย..
แล้วให้เราเป็น Delivery Man ขับรถส่งอาหารแทน แป่ว!
ก็ทนทำ..ต่อได้ระยะหนึ่ง ช่วงนั้นพ่อไม่สบาย เบาหวานกำเริบ
ทางบ้านก็ให้กลับก็เลยกลับไทย หลังจากเรียนและทำงานอยู่ปีกว่าๆ
บทเรียนที่ 2 ในชีวิตช่วงนี้ที่ได้รับ คือ ความสำเร็จของคนเรา…จะแปรผันตามความคุณลักษณะที่เราเป็น
ดังนั้น..เราควรพัฒนาตัวเองให้สูงไว้ เพื่อจะได้..มีความสำเร็จที่สูงตามตัวเรามา
และชีวิตลูกจ้าง ห้ามลา..ห้ามป่วย..ห้ามตายเด็ดขาด!
เพราะเค้า..จะมีคนมาแทนคุณได้ทันที
ถึงแม้คุณจะอยู่กับเค้ามานาน..ขยันตั้งใจ..หรือเก่งขนาดไหนก็ตาม เฮ้อ!
ชีวิตงานประจำงานที่ 3 Project Coordinator (ฝ่ายประสานงานธุรกิจต่างประเทศ)
งานนี้เริ่มต้นตอนกลับมาไทย ก็สมัครงานทาง Net เลย
ไม่อยากเป็น Programmer แล้ว เครียดจะตายงานแบบนี้ (ความเห็นผมน่ะ)
ต้องการงานที่ทำงานเป็นฝ่ายประสานงาน ดูแลความต้องการของลูกค้า
และเลือกบริษัทที่เราติดต่อลูกค้าต่างประเทศด้วย
เพราะต้องการใช้ภาษาอังกฤษ ที่ฝึกมาที่โน้นให้คุ้มค่า
และจะได้ไม่ลืมไป ซึ่งทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า
อะไรที่ไม่ได้ใช้งานนานๆ ก็มักจะลืม
ดังนั้นถ้าเราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ มีหวังคืนอาจารย์ที่โน้นหมดแน่ๆ
ทางบริษัทได้รับข้อมูลผม แล้วก็ติดต่อมาค่อนข้างไวมาก
ส่งตอนเช้าโทรมาตอนบ่าย คงเพราะเรามีประวัติที่อังกฤษ
ที่ซึ่งเป็นลูกค้าโดยตรงของเค้าด้วย ก็เลยไปสัมภาษณ์
และก็ได้รับเข้าทำงานอีกไม่กี่วันต่อมา ค่อนข้างไวกว่าที่คิด
เพราะบริษัทแรกรอกันเป็นเดือน
ก็เริ่มทำงานไป ลักษณะงานคือ ติดต่อดูแลลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นชาวอังกฤษ
และมีเครือข่ายในยุโรบ ที่ซึ่งมาตรฐานสูงมาก
ทำงานที่ร้านอาหารที่โน้น มันเป็นงานที่ไม่ทางการ
เพราะร้านอาหาร ใครๆ ก็อยากผ่อนคลายทำสบายๆ
แต่พอเป็นการทำงานทางการแบบนี้ มันมีความกดดันมาก
ปัญหาโน้นนี้นั้น..อะไรไม่รู้ ลูกค้าเอาใจตัวเองจนปวดหัว
อยากได้โน้นได้นี้ 24 ชั่วโมง
เพราะบริษัทลูกค้าเป็นงาน Online ที่ต้องการฝ่าย Support
ก็เลยต้องทำ OT ด้วย รวมเป็นทำงาน 12 ชั่วโมง
ช่วงนี้รายได้ก็เพิ่มขึ้นนิดหน่อยตามOT โดยต้องทำงานจนดึกถึงเที่ยงคืน
แต่กลับไปนั่งทำที่บ้านได้ ทำงานผ่านระบบ Internet ของบริษัท
ซึ่งเป็นระบบการทำงานที่วางไว้..ดีมาก
เพราะมีรุ่นพี่ที่เป็นหุ้นส่วนของบริษัทเป็น TOP 1-3 เกียรตินิยมอันดับ 1
จากวิศวะคอมพิวเตอร์จุฬา 3 คนมาวางระบบร่วมกัน
ทำให้ทุกอย่างสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ที่มี Internet
ก็เริ่มรู้สึกว่าการทำงาน Online ที่ทำที่บ้าน ผ่าน Internet แบบนี้
ทำให้เรารู้สึกสนุกกับงานมากขึ้น มีเวลาไปนั่งทำงานที่ไหนก็ได้
เป็นช่วงเวลาในการทำงาน..ที่มีอิสระเหมือนพวกโฆษณาบัตรเครดิต
ที่ผู้ใช้บัตร..ไปนั่งทำงานตามชายหาด ขายความอิสระ ที่ประเมินค่าไม่ได้
อะไรประมาณนั้น เหอะๆๆ
บทเรียนที่ 3 ในชีวิตช่วงนี้ที่ได้รับ คนทำงานประจำ..จะได้รายได้แปรผันไปตามเวลาที่ทำงาน
คือลูกจ้างต้องแลกเงินกับเวลา แต่คนสร้างระบบ..กลับได้รายได้ตามผลกำไร
และไม่ต้องทำงานเอง มีอิสรภาพทางด้านเวลา และเริ่มค้นพบว่า..ตัวเองชอบงานที่อิสระ
ไม่ชอบการไปทำงานแต่เช้า วิ่งให้ทันตอกบัตรเข้างาน
และมี ความยืดหยุ่นในเรื่องสถานที่การทำงาน ไม่ถูกจำกัดเรื่องเวลาและรายได้
ชีวิตที่ 4 ชีวิตที่เปลี่ยนไปเมื่อพบกับธุรกิจเครือข่าย….ความฝันมาบรรจบ
ทำงานประจำเป็นฝ่ายประสานงานธุรกิจนี้ได้ปีกว่าๆ
โดยระหว่างนี้ก็ได้ไปเรียนภาษาช่วงเสาร์อาทิตย์
เพิ่ม4 คอร์สในระยะเวลา 1 ปี
เพื่อกะจะได้ Up เงินเดือนเราตอนย้ายบริษัท
เพราะช่วงนี้เริ่มมองหาโอกาสที่จะเพิ่มรายได้แล้ว
เพราะไปผ่อนคอนโตเดือนละหมื่นกว่าๆ
แต่คำนวณแล้วว่าจะกว่าจะผ่อนหมด 25 ปี ถ้าเป็นอย่างงี้..ไม่ไหว
แต่โอกาสใหม่ที่มอง..ก็เป็นงานประจำที่มีเงินเดือนสูงขึ้น
คือกะจะเป็นลูกจ้างมืออาชีพครับ
ผมได้ฟังแอมเวย์..ครั้งแรก สมัยเรียนปี2 (เกือบ10ปีก่อน)
แต่ยังไม่เข้าไปศึกษาอะไรมากนัก นั่งฟังเฉยๆ ธุรกิจฟังดูดีครับ
แต่ไม่ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ดูธรรมดาๆ
(เป็นความคิดเห็นของผม ณ ตอนนั้นนะคับ..ใครทำอยู่อย่าว่ากัน)
ต่อมาผมได้มีโอกาสรู้จัก Herbalife ตอนทำงานช่วงนี้แหละ
โดยมีเพื่อนผมคนหนึ่งได้เริ่มเข้าไปทำ
ตอนแรก..มันก็ชวนผมไปฟังโอกาสทางธุรกิจครับ
แต่ไม่บอกว่าเป็นงานอะไร
แต่ช่วงนั้น..ผมเองก็ต้องการมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นจริงๆ
คือคิดไว้สักประมาณ 5000 บาท เท่านั้นเองคับ
เอาไว้ผ่อนคอนโดเพิ่ม ก็เลยลองเข้าไปฟังดูครับ
ก็ประหลาดใจกับที่แต่ละคนที่ออกมาแชร์ว่ามีรายได้หลายหมื่น
หลายแสนและเป็นล้าน ทั้งๆที่เพิ่งทำกันมาไม่ถึงปี
ทำให้..ถึงกับนอนไม่หลับ
เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าทำสำเร็จ
ชีวิตนี้คงสำเร็จในชีวิตตั้งแต่อายุยังไม่เกิน 30 แน่นอน
เพราะรายได้หลักแสนที่ผมคิดว่าจะได้ คือตอนผมอายุสัก 40
ตามแผนการทำงานประจำที่ผมวางแผนไว้ (ถ้าทำได้น่ะ)
และเหตุผลที่สำคัญที่สุด ที่ผมตัดสินใจทำ เพราะองค์กรนี้มี
ระบบการทำงานกับคนไม่รู้จักทาง Internet ซึ่งผมเองมีคนรู้จักน้อย
และพูดโน้มน้าว..ไม่เก่ง ก็น่าจะสำเร็จได้
ในที่สุด..ผมก็เริ่มเข้าธุรกิจด้วยการลงทุนด้วยเงินเกือบแสนบาท
พร้อมผลิตภัณฑ์กองเต็มบ้านครับ แล้วลาออกจากงานมาทำเต็มตัว
โดยไม่ปรึกษาใคร..บ้าไปแล้ว เหอะๆๆ
แล้วผมก็มุ่งมั่นทำอย่างเต็มที่ แต่เพื่อนคนที่ชวนกลับเลิกทำในเดือนถัดไป
ซวยละสิเรา! เพราะมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ทำเกือบปี ก็เลิกทำไปครับ
เพราะผมรู้สึกว่า เป็นวิธีทำงาน..ที่มีความกดดันสูงเกิน..คนธรรมดาจะทำได้,
รายได้ได้จริง แต่รายจ่ายพอๆกับรายได้, ทำงาน7วัน ประชุมดึกๆ
ถึงตี 1-2 เกือบทุกวัน ไร้ซึ้งอิสรภาพทางด้านเวลาอย่างสิ้นเชิง
และที่สำคัญ..บอกข้อมูลไม่หมดตั้งแต่แรก
คือบอกข้อมูลที่ไม่ดีทีละนิดๆ กว่าจะรู้ความจริงหลายอย่าง
ทำให้เราช็อคไม่รู้กี่ครั้ง และเราต้องไปทำกับคนอื่นๆ
แบบนี้ไปเป็นทอดๆ อีกครับ มันเป็นงาน..ที่ไร้ซึ่งความสุขจริงๆ
แต่ต้องขอบคุณจริงๆ กับธุรกิจเครือข่ายตัวแรกในชีวิต
ที่ทำให้ผมมีแนวคิด..และทักษะในการทำธุรกิจ
เป็นประสบการณ์ที่มีค่า หาซื้อที่ไหนไม่ได้
ทำให้ผมและทีมงานในอนาคตไม่มีทางเดินผิดพลาดตามรอยเดิมแน่นอนครับ
จะดีไหมครับ? ถ้ามีงานบางอย่างที่เราลงมือทำอย่างพากเพียรครั้งเดียว
แล้วมีผลตอบแทนกลับมาตลอด จนถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน?
งานที่ว่า นั้นก็คือ..ธุรกิจเครือข่ายนี้เองครับ
ที่ผมเชื่อมั่นขนาดนี้ เพราะตอนผมทำ Herbalife
เคยเจอและพูดคุยกับผู้นำที่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ว่าจริงๆ
แต่ไม่ใช่คนไทย..ครับ เป็นชาวต่างชาติ
ทำธุรกิจมา..ไม่ต่ำกว่า 15-25 ปี
มีรายได้..ไม่ต่ำกว่า 3-5 ล้านบาทต่อเดือนหรือมากกว่านั้นมาก
ไม่ต้องทำอะไร มีหน้าที่ใช้เงิน เที่ยว และใช้ชีวิต..ที่มีอิสรภาพอย่างแท้จริง
ซึ่งกลุ่มผู้นำเหล่านี้..มีเป็นร้อยกว่าชีวิตที่ผมได้พบเห็น
ดังนั้นทำไม..ถึงไม่ใช่เราบ้างในอนาคต ผมคิดแบบนี้ครับ
ดังนั้น ถ้าบางคนมาบอกว่า ธุรกิจเครือข่ายยากที่จะเกษียณได้จริง
แบบที่ผมว่า..ผมก็ยืมคำพูดจาก The Secret ที่ว่า
“คุณจะคิดว่าใช่..หรือไม่ใช่.. มันก็ถูกทั้งนั้น
เพราะคุณ..จะได้ผลลัพธ์อย่างที่คุณคิด”
1. ผู้นำเหล่านี้ เลือกทำบริษัทที่ถูกต้อง ซึ่งจากประสบการณ์ของผมเอง..ค้นพบว่า
คุณลักษณะของผู้ที่สำเร็จจากเครือข่าย
จนเกษียณตัวเองได้ขนาดนี้
มีคุณสมบัติที่เหมือนกัน..ดังต่อไปนี้ครับ
ซึ่งเริ่มต้นในตอนแรกก็ไม่รู้ชะตากรรม
แต่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยและสร้างให้บริษัทนั้น
ให้มีความมั่นคงอย่างมากในเวลาต่อมา ณ ปัจจุบัน
บริษัทเหล่านี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 15-60 ปี เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่
คงไม่ใช่แค่เลือกถูกแล้วอยู่เฉยๆ แล้วจะสำเร็จเหมือนแทงหวยนะครับ
เพราะบางคนเลือกถูกแล้วแต่ไม่ทำและอยู่ไม่ยาว
2. ผู้นำเหล่านี้ ทำธุรกิจระยะยาว แค่ทีละบริษัท
และไม่ย้ายไปย้ายมา เมื่อมั่นใจว่าเจอบริษัทที่ใช่แล้ว
และใช้เวลาทำธุรกิจจริงจังมากถึง 5-15 ปีขึ้นไป
ถึงเกษียณชนิดปล่อยได้เลย
แล้วมาโบกไม้โบกมือให้กำลังใจผู้คนแค่ปีละครั้ง
3. ผู้นำเหล่านี้ ทำธุรกิจหลายประเทศ
ไม่ใช่มีธุรกิจแค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง
ที่ผมพบส่วนใหญ่มากกว่า 4 ประเทศ
ซึ่งจากการวิจัย..พบว่า ผู้นำ..ที่ทำแค่ประเทศเดียว
ไม่มีโอกาสได้เกษียณ แต่อาจ..มีโอกาสได้พักผ่อนบ้างเท่านั้น
เนื่องจากบางเวลาเศรษฐกิจบางประเทศอาจไม่ดี
แต่เราก็ยังมีรายได้จากประเทศที่ยังเศรษฐกิจดีอยู่
แต่ถ้าไม่ดีกันหมด ก็มีรายได้จากหลายประเทศ
ก็เหมือนเก้าอี้มี 4 ขา ยังไงก็ยังมั่นคง
แต่ขาน้อยกว่านั้น คงนั่งไม่ติดก้นใช่ไหมครับ
4. ผู้นำเหล่านี้ ไม่ได้เป็นคนเก่งมาแต่ก่อน
แต่ทุกคนสู้ชีวิต อดทนรอความสำเร็จ
เรียนรู้และพัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ
พร้อมกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น
อย่างผู้นำคนหนึ่งที่ผมประทับใจมาก เป็นกรรมกร
คนเก็บขยะในตลาด และคนส่งปลาจากท่าเรือ
อยู่ที่ฮ่องกง ทำ 3 งานในเวลาเดียวกัน
แล้วทำเครือข่ายเป็น Part-time ในช่วงแรก
ตอนนี้รายได้ 3-4 ล้านบาทต่อเดือน แต่ทำมากว่า 15 ปีถึงได้นะครับ
5. ผู้นำเหล่านี้ มีวินัยและเป้าหมายในชีวิตอย่างชัดเจน
ว่าจะสำเร็จไปเพื่ออะไร
ไม่ใช่แค่อยากร่ำรวยลอยๆ เฉยๆ
และสามารถสร้างแรงบันดาลใจ
ให้กับทีมงานของเค้าจากเรื่องราวของเค้าได้
เพราะถ้าใครทำเครือข่ายแล้วมองแต่..เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว
คนนั้นก็จะไหลไปตามข้อเสนอเรื่องเงินอย่างง่ายดาย
หาหลักปักฐานไม่เจอ เอาแน่เอานอนไม่ได้
6. ผู้นำเหล่านี้ ยอมรับการทำงานเป็นทีม
รักและช่วยเหลือ..ซึ่งกันและกันในทีมเป็นอย่างดี
ไม่มีรวยแค่คนเดียว รอดแค่คนเดียว ทำอยู่คนเดียว
เพราะสิ่งนั้น..ไม่ใช่เครือข่ายระยะยาวแน่นอน
7. ฯลฯ อื่นๆ อีกมากมาย ถ้าคุณได้รู้จักผมมากขึ้น
ปัจจุบันผมเลือกทำธุรกิจเครือข่ายแห่งหนึ่ง
ที่ผ่านการวิเคราะห์และวิจัยมาเป็นอย่างดี
พร้อมทั้งสร้างระบบขึ้นมาเอง โดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือ
ประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ตให้ทำงานง่ายขึ้นจริงๆ
ผมเองจะนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ ต่างจังหวัด..หรือต่างประเทศ
และบทความที่คุณกำลังอ่านนี้..ผมก็พิมพ์ขึ้นตอนอยู่ต่างประเทศครับ
ณ ขณะนี้ ผมประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
และสามารถใช้ชีวิตแห่งอิสรภาพได้บ้างแล้วครับ
มีอิสรภาพด้านการเงิน..เวลา..และพร้อมสุขภาพที่ดีด้วย
เช่น ตื่นนอนตอนอยากตื่น เที่ยงๆ สายๆ ก็ได้,
ไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ (3-4 ครั้งต่อปี)
ได้ใช้เวลากับครอบครัวได้มากขึ้น, กำหนดเวลาทำงานของตัวเองได้
และเชื่อมั่นว่าในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี
ผมสามารถหยุดทำงานได้ ในขณะที่ยังคงมีรายได้เรื่อยๆ
และมีแต่จะเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง
ผมชอบทำงานอะไรสักอย่างแล้ว..ม้วนเดียวจบ! ครับ
ไม่อยากมาเริ่มต้นใหม่อยู่เรื่อยๆ
ดังนั้น ผมต้องเลือกธุรกิจเครือข่าย
ที่จะทำอย่างพินิจพิเคราะห์อย่างที่สุด
แน่นอนครับว่า..ผมสามารถใช้วิธีการทำงาน
แบบ Work Smart ของผมนี้ได้กับ ธุรกิจเครือข่ายใดๆก็ได้
แต่เป็นการดีที่ ผมจะร่วมกับธุรกิจเครือข่าย
ที่จะนำพาให้ตัวเองและทีมงานเกษียณ..ในอนาคตได้
ตามข้อแนะนำจากปรมาจารย์ทางการตลาดของโลก
คุณปีเตอร์ ดักเกอร์
ซึ่งบริษัทที่ผมเลือกมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนทั้ง 7 องค์ประกอบ ดังนี้
1. ความมั่นคงและภาพพจน์ของบริษัทที่สูงระดับโลก
2. นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ที่มีจุดขาย ไร้คู่แข่ง
คุณภาพสูง ได้ผลลัพธ์จริง
3. แผนจ่ายผลตอบแทนเริ่มด้วยการทำ Part-time,
คนไม่เก่งมากก็ทำได้, และขยายธุรกิจไปได้ทั่วโลก
4. อยู่ในแนวโน้มที่สุดยอดของโลก คือสุขภาพ
5. จังหวะเวลาเริ่มต้น เป็นผู้บุกเบิกกลุ่มแรกๆ ของไทยหรือเอเชีย
6. ทีมงานที่มีจริยธรรมและระบบ Support ที่ดี ทั้ง Online/Offline
7. การบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพ ประสบการณ์เป็น 20 ปี
สิ่งเหล่านี้ทำให้เกมส์สร้างธุรกิจเครือข่ายของผม..เป็นต่อขึ้นมาครับ
และผมได้รวบรวมความรู้..และประสบการณ์ออกมาเป็น บทความ
ซึ่งผมแนะนำให้คุณได้ลองติดตามอ่านดูครับ
บางส่วนผมกลั่นออกมาจากประสบการณ์และใจจริง
ซึ่งอาจดูขัดกับความคิดหรือเรื่องราวที่ได้ยินมาบ้าง
แต่ผมเชื่อมั่นว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ
ผมยังเขียนไม่จบ ครับ กำลังเขียน มันไปเรื่อยๆ
โปรดกลับมาอ่านใหม่นะครับ
อ้อ ก่อนจะจากกัน ขอฝากVDO บันทึกภาพ
ในการประชุมที่หอประชุม SCB Park ที่ผมได้ถูกเชิญขึ้นแชร์ประสบการณ์
ประวัติ ภาพความสำเร็จและเคล็ดลับความสำเร็จของผมไว้
ความยาวประมาณ 30 นาที หลังจากได้ดู ทุกท่านก็จะได้รู้จักผมมากขึ้น
Click!! ที่ VDO ด้านล่างได้เลยครับ
ถ้า VDO ไม่โหลด/โหลดช้า ให้กด Pause แล้วปล่อยให้โหลดสักครู่ 2-5 นาที แล้วกลับมาเล่นใหม่อีกครั้ง
** รู้จัก และ เรียนรู้ธุรกิจเครือข่ายที่ผมเข้าร่วมได้ที่ : คลิกที่นี่เลยครับ **
งานรับรางวัล นาคราช ผู้บริหารองคกรดีเด่น
โดย ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร
Tel. 089-7245662 / Line ID : joenattadech
ถ้าเกิดไม่รับอาจติดประชุม โทรกลับทุกสายแน่นอนครับ